วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

@ สมัครงานให้ได้งาน

เนื่องด้วยเห็นมีคนถามเกี่ยวกับเรื่องสมัครงาน ก็เลยขอแทรกเรื่องที่จะเขียนต่อจากคราวที่แล้ว Smiley
โดยคราวนี้ก็เลยจะเขียน 2 เรื่อง คือ


idea สมัครงานให้ได้งาน


idea เส้นทางสู่ดวงดาว

ซึ่งจะเป็นตอนต่อกันครับ ( กว่าจะนึกชื่อออก เล่นเอาปวดหัว Smiley )
หวังว่าคงเป็นแนวทางให้กับหลายๆคน ได้นะครับ


ปล. ส่วนคนที่ถามเกี่ยวกับตลาดยา เขียนแน่ครับ รอคิวนิดนะครับ Smiley ซึ่งคิดว่าจะเขียนเกี่ยวกับ


การตลาดยา และ ภาพรวมตลาดยา นกดื่มชา





@ แบ่งบันประสบการณ์ @ สมัครงานให้ได้งาน

จากที่มีคนถามถึง ผมคงต้องขอย้อนกลับไปเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งก่อน คือ
กว่าจะเข้ามาเป็นผู้แทนยาได้นั้น ต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การคัดสรร หรือ
ภาษาชาวบ้านก็สมัครงานนั่นแหละครับ

สมัยผมการสมัครงานยังไม่ยุ่งยาก และ ขั้นตอนมโหฬารเท่าสมัยนี้หรอกครับ
แต่ก็ถือว่าหินพอสมควร แต่สมัยนี้คนเก่งเยอะ และจบมาก็มีมาก
ดังนั้นขั้นตอนการกลั่นกรองจึงมากตามไปด้วยเพื่อให้ได้คนที่ตรงกับงานจริง ๆ


แหล่งหางานของการเป็นผู้แทนยาเดี๋ยวนี้ก็มีหลายแหล่งครับ ไม่ว่าจะเป็น

idea ทางหนังสือพิมพ์

idea อินเตอร์เน็ต ซึ่งสมัยนี้ก็มีเว็บไซด์หางานเพียบ

idea หรือสำหรับคนที่อยู่ในแวดวงยา บางทีอยู่ในแวดวงอยู่แล้วและอยากเปลี่ยนงานก็ตามโรงพยาบาลก็มี

idea หรือตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ บางที่ HR ขยันเขาก็จะเดินไปติดประกาศให้อันนี้ก็สบายหน่อย



แต่สำหรับคนที่มีรุ่นพี่รุ่นน้องยิ่งสบายเลยครับใช้โทรศัพท์นี่แหละ
กริ๊งกร้างหากันหน่อย รับรองมีงานให้ทำแน่ครับ Smiley

exclaim สิ่งสำคัญ ที่ผมอยากเน้นในขั้นแรกหลังจากที่เราคัดเลือกหรือได้องค์กรที่อยากสมัครงานมาแล้วนั้น คือ

การเขียน Resume และ Application letter นั่นเอง mail


ซึ่งเดี๋ยวนี้ผมว่าสะดวกสบายกว่าอดีตมาก เพราะ มีตัวอย่างสามารถที่จะนำมาปรับ
หรือลอกแบบมาตราฐานมาเลยก็ได้
หรือจะเข้าไปดาวน์โหลดจากเว็บไซด์ต่าง ๆ ก็ได้มีให้เลือกเยอะ


แต่ขอเตือนนะครับว่าอย่าลอกทั้งดุ้น ให้เอามาปรับให้เข้ากับลักษณะงาน


และประวัติขของแต่ละคนจริง ๆ ไม่งั้นจะหนาวตอนไปสัมภาษณ์แน่นอนครับ นกหนาว




การจะเขียนใบสมัครให้สะดุดตา และได้รับการเรียนไปสัมภาษณ์นั้น
นอกจากจะต้องเขียนให้ดูมีมาตราฐาน มีความตั้งใจแล้ว
ยังต้องพยายามใส่ทุกอย่างที่น่าสนใจในตัวเราเข้าไปให้หมด เช่นมีข้อดียังไง มีเกียรติคุณยังไงบ้าง

เพราะฝ่าย HR เขาไม่มานั่งหาเพชรในตมหรอกครับ haha
Resume และ Application letter นี่แหละที่จะทำให้เขาสนใจคุณ
และพยายามบอกตำแหน่งที่อยากจะสมัครด้วย
อย่าให้เขาเดาเอง ถ้าเขาไม่เดาให้จะแย่ครับ

จากนั้นเมื่อผ่านเข้ามาในรอบสัมภาษณ์ได้ ก็ต้องทำให้ดีที่สุด

idea อ้อ! การแต่งตัวมาสัมภาษณ์ก็ควรให้ดูเรียบร้อยแต่ไม่ควรเชยเกินไป
เพราะอาชีพเซลล์นั้นต้องเป็นอาชีพที่ต้องพบปะคนเยอะ

ส่วนเรื่องของเวลานั้น ผมขอร้องว่าควรตรงเวลามาก ๆ หรือมาก่อนได้ยิ่งดี
เพราะบางที่เขาจะอำนวยความสะดวกด้านความรู้ให้คุณด้วย
การหาเอกสารมาไว้ให้อ่านก่อน ซึ่งใครมาก่อนก็ได้ประโยชน์ไป
ใครมาช้าละก็นั่งทำใจได้เลย เพราะ ไม่มีใครมองคนมาสาย
ว่ามีความตั้งใจ หรืออยากทำงานแน่นอนครับ

ผมเคยเจอคนที่มีการเตรียมตัวที่ดีมาก
ก่อนมาสัมภาษณ์เขาจะเข้าเว็บไซด์เพื่อไปดูข้อมมูลของบริษัทที่เขาต้องมาสัมภาษณ์ก่อนว่า
มีความเป็นไปเป็นมายังไง มียาอะไรบ้าง
ซึ่งนั่นผมว่าเป็นตัวอย่างที่ดีทีเดียวครับ

เพราะแสดงถึงความตั้งใจที่อยากจะเข้ามาทำงาน
มากกว่าการมาทำงานเพราะกลัวว่างงาน

วิธีการสัมภาษณ์ที่ดีนั้น ผมจะห้ามไม่ให้ตื้นเต้นก็คงไม่ได้
เอาเป็นว่า ให้ควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นหน่อยก็แล้วกัน
อาจจะนั่งทำสมาธิหรือหายใจลึก ๆ ก่อนเข้าไปสัมภาษณ์ก็ได้

จากนั้นก็พยายามฟังคำถามให้จบก่อนค่อยชิงตอบ
เขาไม่มองว่าคุณตอบช้าหรอกครับ เพราะสมองจะได้กลั่นกรองคำถามและคำตอบ

นกดื่มชา


จากนั้นก็พยายามตอบให้ตรงคำถาม
และอย่าพูดเร็วหรือช้าจนเกินไป เพราะบางคนเขาไม่อดทนฟังคุณตอบนานนัก
ที่สำคัญพยายามที่จะพูดความจริงให้มากที่สุด เรียกว่าอย่าโม้มากเกินไป
เพราะถ้าเข้าไปได้แล้วและทำได้ไม่เหมือนที่โม้ละก็จะแย่

สำหรับคำถามยอดฮิตในการสัมภาษณ์ก็มีไม่มากหรอกครับ wink

เช่น อาจจะถามว่าทำไมถึงสนใจงานขาย หรือทำไมถึงอยากเป็นผู้แทนยา
บางทีก็ถามว่าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติอะไร ถึงมาสมัครอาชีพนี้


idea คำตอบที่ดีนั้น ก็อาจจะตอบว่า เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ชอบพบปะคน เข้ากับคนอื่นได้ง่าย

หรืออย่างคำถามที่ให้วิเคราะห์ตัวเองถึงจุดแข็งจุดอ่อน question


idea ก็ให้พูดข้อดีของตัวเอง และ พยายามให้มีข้อเสียบ้างเพราะไม่มีใครมีแต่ข้อดี เหรอกครับ
แต่ข้อเสียที่บอกออกไปนั้นอย่าให้ขัดกับตำแหน่งงานที่เราสมัครเด็ดขาด
เช่น มาสมัครเป็นเซลล์ไม่ใช่บอกว่าข้อเสียคือมีความอดทนต่ำยุ่งเลยครับ
เขาคงไม่ให้คุณอยู่ฝึกความอดทนแน่นอน

คำถามว่าวางแผนอนาคตไว้อย่างไร question

idea คำตอบที่ดีก็เช่นว่า อยากเติบโตในองค์กรอะไรประมาณนี้
เพราะทุกที่เขาก็อยากได้คนที่จะเติบโตไปในตำแหน่งอื่น ๆ
ไม่ใช่เสียเวลาอบรมพอถึงเวลาไม่ทำ หรือลาออกไปที่อื่น


หลังจากผ่านการสัมภาษณ์เรียบร้อย ถึงจุดสำคัญคือ


การทำ Psychometric Test นั่นเอง


ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นที่นิยมแพร่หลาย และไม่ได้ใช้วัดเฉพาะในระดับผู้บริหารเท่านั้น
รวมไปถึง การวัดความรู้ด้านภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์
ซึ่งถ้ามีการเตรียมความพร้อมในทุกด้านก็จะดีที่สุด
เมื่อผ่านการทดสอบเรียบร้อยก็รอฟังผลได้เลยครับ
ผมเชื่อว่าถ้าเราพยายามที่จะทำให้ดีที่สุด ก็ไม่มีอะไรที่จะยากจนเกินไปแน่นอน

เห็นไหมครับว่าการจะสมัครเข้าทำงานที่หนึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่าย
การเตรียมตัวและความตั้งใจจริง ถือเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะการที่เราจะได้งานดีๆหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่เราทำเองทั้งนั้นแหละครับ

ผมเชื่อว่าเมื่อหลายคนก้าวเข้ามาทำงานสักอย่างหนึ่ง
สิ่งที่สำคัญคือการเติบโตในองค์กร หรือต่างองค์กร
แต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในสายอาชีพเดิม
สิ่งที่น่าสนใจคือ เส้นทางของการเดินทางสู่ดวงดาว ผมจะนำเสนอต่อจากนี้

1 ความคิดเห็น:

Ratchy_B กล่าวว่า...

พออ่านบทความของพี่ก็ทำให้ทราบทันทีว่า สมัครงานแบบไหน เตรียมตัวอย่างไรถึงจะดี พอดีว่าหนูเพิ่งไปสมัภาษณ์งานบริษัทเครื่องมือแพทย์บริษัทหนึ่งมา สัมภาษณ์ผ่านหัวหน้าฝ่ายบุคคลแล้ว พอมาถึง Manager sale ทำเหมือนกับลองถามคำถามเดียวแต่ยิงหลายๆจังหวะ สุดท้ายเขาบอกว่า น้องก็ลองไปสมัครงานที่ตรงกับสาขาวิชาน้องระหว่างรอละกัน พอได้ยินอย่างนี้ตัวหนูเองก็พอจะเดาได้ว่าไม่ผ่านสำหรับการสัมภาษณ์งานครั้งนี้หนู่ต่อนข้างเตรียมตัวมากไม่ว่าการจะเข้าเวปไซต์ของบริษัทหรือศึกษาผลิคภัณฑ์ที่เป็นตัว hit หรือนำเข้ามาใหม่ พอได้ยินประโยคนั้นก็ทำให้คิดว่าทำไมเขาถึงไม่บอกเราเลยว่าผ่านหรือไม่ตรงๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่คอยเวลา หรือคิดว่าเขาอาจจะรับเราอยู่หรือเปล่า ขอบคุณบทความของพี่ที่ให้คำแนะนำ